ความเป็นมา

ความเป็นมา

โดยที่มาตรา 10 แห่งพระราชบัญญัติสถาบันพระบรมราชชนก พ.ศ. 2562 บัญญัติว่า

“สถาบันอาจแบ่งส่วนราชการ ดังต่อไปนี้

(1) สำนักงานอธิการบดี

(2) คณะ

(3) สำนัก

สถาบันอาจให้ส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่าคณะ เพื่อดำเนินการตามวัตถุประสงค์ตามมาตรา 7 เป็นส่วนราชการของสถาบันอีกได้

                        สำนักงานอธิการบดี อาจแบ่งส่วนราชการเป็นกอง หรือส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่น ที่มีฐานะเทียบเท่ากอง

                        คณะ อาจแบ่งส่วนราชการเป็นสำนักงานคณบดี วิทยาลัย ภาควิชา หรือส่วนราชการ ที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่าภาควิชา

                        สำนักหรือส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่าคณะ อาจแบ่งส่วนราชการ

เป็นสำนักงานผู้อำนวยการ กอง หรือส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่ากอง สำนักงานคณบดี สำนักงานผู้อำนวยการ วิทยาลัย ภาควิชา กอง หรือส่วนราชการ ที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่าภาควิชาหรือกอง อาจแบ่งส่วนราชการเป็นงานหรือส่วนราชการ ที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่างาน”

                         มาตรา 7 บัญญัติว่า “สถาบันมีวัตถุประสงค์เพื่อผลิตและพัฒนาบุคลากรตามความต้องการของกระทรวงสาธารณสุข ให้การศึกษา ส่งเสริมวิชาการและวิชาชีพ ทำการสอน ทำการวิจัย ให้บริการทางวิชาการแก่สังคม และทะนุบำรุงศิลปะและวัฒนธรรม”

                        และมาตรา 8 บัญญัติว่า “เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามมาตรา 7 สถาบันมีหน้าที่ ดังต่อไปนี้

                              (1) ผลิตบัณฑิตและพัฒนาบุคลากรให้สอดคล้องกับแนวนโยบายแห่งรัฐ เพื่อให้มีความรู้ ความสามารถทางวิชาการและทักษะวิชาชีพ มีคุณธรรม จริยธรรม มีความสำนึกต่อสังคม และเพื่อให้มีศักยภาพ

ในการเรียนรู้ด้วยตนเอง

                              (2) จัดการศึกษา วิจัย ส่งเสริม สนับสนุนการวิจัย เพื่อสร้างหรือพัฒนาองค์ความรู้ และนำความรู้นั้นไปใช้เพื่อประโยชน์ในการพัฒนาสังคมและประเทศชาติ

                              (3) พัฒนาองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพให้มีมาตรฐานและคุณภาพทางวิชาการ

ให้เป็นที่ยอมรับในระดับประเทศและนานาชาติ

                              (4) ส่งเสริมให้เกิดโอกาสและความเสมอภาคทางการศึกษาตามความต้องการของชุมชน

                              (5) ให้บริการทางวิชาการแก่สังคมโดยเน้นความร่วมมือกับชุมชน

                              (6) ให้บริการด้านการแพทย์และการสาธารณสุข

                              (7) ส่งเสริมและทะนุบำรุงศิลปะและวัฒนธรรม”

                        ทั้งนี้นับแต่พระราชบัญญัติสถาบันพระบรมราชชนก พ.ศ. 2562 ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 5 เมษายน 2562 เป็นต้นมา

สถาบันพระบรมราชชนกซึ่งเป็นสถาบันอุดมศึกษาเฉพาะทางด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพที่จัดการศึกษาตามกฎหมายว่าด้วยการศึกษาแห่งชาติ มีฐานะ

เป็นนิติบุคคลและเป็นส่วนราชการตามกฎหมายว่าด้วยวิธีงบประมาณ อยู่ในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขยังไม่มีส่วนราชการระดับกองทางด้านกฎหมาย

ที่จะช่วยสนับสนุนการดำเนินการเกี่ยวกับการบัญญัติข้อบังคับ ระเบียบ ประกาศตามที่พระราชบัญญัติสถาบันพระบรมราชชนก พ.ศ. 2562 กำหนดให้

ออกไว้ รวมทั้งการดำเนินการทางด้านกฎหมายอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ดังนั้น จึงมีเหตุผลความจำเป็นที่สถาบันพระบรมราชชนกจะต้องจัดตั้งกองกฎหมายซึ่งเป็น

ส่วนราชการระดับกองขึ้นในสำนักงานอธิการบดี ตามมาตรา 10 วรรคสาม เพื่อสนับสนุนส่งเสริมให้สถาบันพระบรมราชชนกการจัดการศึกษาเฉพาะทางที่มี

ความคล่องตัว มีเสรีภาพทางวิชาการและอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ สภาสถาบันพระบรมราชชนกได้อย่างมีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับ

พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามมาตรา 7 และมาตรา 8 แห่งพระราชบัญญัติสถาบันพระบรมราชชนก

พ.ศ. 2562 อันเป็นประโยชน์ต่อราชการและประชาชนต่อไป